Botox หรือชื่อทางการว่า Botulinum Toxin เป็นสารที่ใช้ในวงการความงามเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดย Botox จะทำงานโดยการยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าลดน้อยลง

• ลดเลือนริ้วรอย: Botox ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา รอยขมวดคิ้ว และริ้วรอยหน้าผาก
• ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น: การฉีด Botox บริเวณกรามสามารถทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น
• ยกกระชับ: ด้วยเทคนิคการฉีดแบบพิเศษของ 22 Square Clinic สามารถช่วยยกกระชับกรอบหน้า และหางตา ให้ยกขึ้นได้
• ลดเหงื่อ: สำหรับผู้มีปัญหาเหงื่อออกมาก ไม่ว่าที่มือ หรือรักแร้ สามารถใช้ Botox เพื่อช่วยทำให้เหงื่อออกลดน้อยลงได้
• ลดรุขุมขนกว้าง: Botox สามารถนำมาใช้เพื่อกระชับรูขุมขนได้
• รักษาอาการปวดจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง: Botox ยังใช้ในการรักษาอาการปวดจากกล้ามเนื้อหดเกร็งในบางกรณี

Botox ทำงานโดยการยับยั้งการส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกฉีด Botox ไม่สามารถหดตัวได้ ซึ่งส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลดลง โดย Botox จะเริ่มเห็นผลหลังจากฉีดประมาณ 3-5 วัน และผลจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน แล้วแต่ชนิดของท็อกซิน

ความแตกต่างของชนิดท็อกซินแต่ละแบรนด์นั้น ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ ส่วนผสม และชนิดของสารท็อกซิน ซึ่งส่งผลให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ช้าเร็ว แตกต่างกัน รวมไปถึงโอกาสการดื้อจากการฉีด Botox ยังแตกต่างกันด้วย

โดยทาง 22 Sqaure Clinic มีชนิดของ Botox ให้เลือกด้วยกันถึง 3 สัญชาติ ได้แก่

• Allergan: Botox สัญชาติอเมริกา
• Xeomin: Botox สัญชาติเยอรมัน
• Aestox: Botox สัญชาติเกาหลีใต้

• การเตรียมตัวก่อนการรักษา: แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวหน้าและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนการรักษา ว่าจำเป็นต้องใช้ Botox ปริมาณทั้งหมดเท่าไร
• ขั้นตอนการฉีด Botox: การฉีด Botox ใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บมาก โดยแพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กในการฉีด Botox บริเวณที่ต้องการ บางท่านหากกลัวเจ็บ สามารถทายาชาประมาณ 30-40 นาทีก่อนการฉีดได้ หรือในบางท่านสามารถใช้แค่น้ำแข็งหรือประคบเย็น ก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บระหว่างฉีดได้เช่นกัน

• อาจมีรอยช้ำตามจุดฉีดได้ ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน
• หลีกเลี่ยงการนอนราบอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังการฉีด
• หากฉีดกรามแล้วมีอาการเมื่อย สามารถเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อลดอาการดังกล่าวได้ ซึ่งอาการจะดีขึ้นภายใน 5-7 วัน
• หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด Botox เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณอื่น
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ การดื่มแอลกอฮอลล์ และการสัมผัสแสงแดดโดยตรงในช่วงแรกหลังการฉีด

ปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการฉีดได้แก่

• รอยช้ำหลังการฉีด
• กล้ามเนื้ออ่อนแรงในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ เช่น หนังตาตก จากการฉีดบริเวณหัวคิ้ว และหน้าผาก หรือ มุมปากตก จากการฉีดบริเวณกราม หรือตีนกา เนื่องจาก Botox กระจายไปโดนกล้ามเนื้อข้างเคียง ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆเบาลงเมื่อระยะเวลาผ่านไป ไม่ใช่อาการถาวร ซึ่งหากมีอาการผิดปกติดังกล่าว ควรแจ้งให้แพทย์ที่ทำการฉีดทราบโดยทันที

ซึ่งอาการเหล่านี้ สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการฉีดกับแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ เนื่องจากแพทย์จะประเมินผิวหน้าก่อนฉีดทุกครั้ง และเลือกเทคนิคการฉีด ที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว